วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555


1. สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร





ในการประกอบธุรกิจแบบ e-commerce นั้นมีทั้งประสบควาสำเร็จ และล้มเหลว ในที่นี้จะกล่าวถึงเว็บที่ไม่เประสบผลสำร็จซึ่งมีสาเหตุมาจาก 

           1 การลอกเลียนแบบ : เป็นการทำธุรกิจตามคนอื่นที่ทำอยู่ก่อนแล้ว เห็นทำเว็บก็ทำตาม เช่น บรรดาพอร์ทัลไซต์ทั้งหลาย ซึ่งที่เห็นหลายรายก็ทำตามทุกอย่าง ไม่มีส่วนใดต่อยอดให้ดีขึ้นเลยก็มี ซึ่งความจริงแล้วการลอกเลียนแบบอาจจะนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพียงแต่ใช้หลักการเดียวกันเท่านั้น หรือก็อาจจะใช้กับกลุ่มเป้าหมายเดียวกันได้ หากกลุ่มเป้าหมายนั้นมีจำนวนมากพอ      หรือมากขนาดที่ เว็บไซต์ที่มีอยู่เดิมไม่สามารถที่จะรองรับได้

           2. การอยู่กับความฝัน : เป็นการอาศัยแนวความคิดแต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติให้เห็นจริง หรือทำ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แนวคิดแรก ยังไม่ได้ทำให้เป็นจริงเลย ก็ไปทำแนวคิดที่สองแล้วเป็นอย่างนี้เรื่อยไป  อย่างนี้ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ

           3. ทำเว็บไซต์ที่วิจิตรสวยงาม : การทำเว็บไซต์ให้สวยงาม เน้นความเลิศหรูจนลืมแก่นแท้ของความต้องการผู้ใช้เว็บหรือกลุ่มเป้าหมายไป กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่กระบวนการที่จะให้บริการลูกค้าผู้ใช้เว็บอย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และรวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ก่อนที่จะไปตกแต่งโฮมเพจให้สวยงาม

           4. ทำเว็บไซต์แบบไร้ทิศทาง : การทำเว็บไซต์ที่นึกอะไรได้ก็ทำไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้นึกถึงความเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์กัน อันจะก่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน การทำเว็บไซต์ที่ดีนั้น 
หลักการคือต้องทำให้เกิดการเสริมกัน หรือ synergy คือทุกอย่างต้องเกื้อหนุนและมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน หรือในลักษณะครบวงจร (one-stop service) มาที่นี่ที่เดียวได้ครบหมดทุกอย่าง

           5. ไม่มีระบบสนับสนุนพื้นฐานที่เพียงพอ : การไม่มีระบบสนับสนุนพื้นฐานที่เพียงพอ คือเป็นประเภท ที่ได้แต่คิด แต่อาจจะไม่ได้มองว่า ระบบหรือเทคโนโลยีสนับสนุนหรือไม่ พอทำไปแล้วครึ่งทางถึงได้รู้ว่า มันไม่มีซอฟต์แวร์หรือเครือข่ายสนับสนุนได้อีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ได้จัดหาทั้งคน ทั้งระบบ 
ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เตรียมพร้อมไว้ สำหรับการรองรับการขยายตัว ทำแล้วขยายตัวไม่ได้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการขยายตัวเพื่อเข้าสู่จุดคุ้มทุนและทำกำไร ซึ่งในสภาพเช่นนี้ไม่มีทางเลือกที่ท่านจะประสบความสำเร็จ

           6. ทำงานได้ทีละอย่าง : การทำงานได้ทีละอย่าง กล่าวคือไม่สามารถจัดการกับการงานได้พร้อม ๆ กันหลายงาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการบริหารโครงการธุรกิจบนเว็บที่เราต้องทำงานได้หลาย ๆ รูปแบบในเวลาเดียวกัน จะทำที่ละเรื่องเมื่อเสร็จแล้วค่อยทำอีก เรื่องนี้จะไม่ทันกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากได้รับข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ
 
เพิ่มเติมเข้ามาโดยตลาดจากทุกมุมโลก

           7. คิดเล็กเกินไป : การดำเนินธุรกิจบนเว็บ นั้นถ้าหากคิดเล็กเกินไป ทำให้โครงการที่ทำออกมาไม่สามารถที่จะต่อยอดและขยายตัวออกไปได้ ทำให้ไม่สามารถจะสร้างยอดขายจำนวนมากให้คุ้มทุน ได้ ทั้งนี้เพราะตลาดบนเว็บนั้นมันมีขนาดใหญ่มหาศาล ดังนั้นต้องคิดการใหญ่ มีการกำหนดทิศทางที่จะเติบโตไว้ด้วย





2.  ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce 
ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้อง         
 ประกอบด้วยปัจัยใดบ้าง

การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 


          1. กล้าตัดสินใจ ประการแรกที่ต้องทำคือ ค้นคว้าหาข้อมูล สร้างจินตนาการ กลั่นกรองความคิด หาช่องทางและโอกาสเมื่อมองเห็น จงกล้าตัดสินใจดำเนินการ เพราะธุรกิจนี้ใช้เงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือตึกแถวทั่วไป และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การขายสินค้าบนเว็บนี้ สามารถขายให้คนได้ทั่วโลกและมีอากาศทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และค้าส่งออกเป็นล็อตใหญ่ ฉะนั้น เมื่อเห็นโอกาสจงอย่ารีรอเป็นอันขาด

          2. หน้าที่หลักของท่าน คือ การคิดเรื่องการตลาด เมื่อตัดสินใจแล้วหน้าที่หลักคือ การวางแผนการตลาด คือจะขายให้ใคร ความต้องการและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร จะวางตำแหน่งสินค้าอย่างไร จะต้องพัฒนาสินค้าอย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น จะตั้งราคาสินค้าเท่าใด จะขายผ่านช่องทางใด ตรงไปที่ผู้นำเข้า พ่อค้าส่ง พ่อค้าปลีกหรือผู้บริโภคโดยตรง และจะประชาสัมพันธ์เว็บ หรือมีรายการส่งเสริมการขายอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการมีเทคโนโลยีดี ๆ ด้วยซ้ำ

          3. โปรแกรมด้าน e-commerce มีความพร้อมให้ใช้งานอยู่แล้วสำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มีให้ใช้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่นwww.ecombot.com ซึ่งมีระบบครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งหน้าร้าน หรือออกแบบเว็บเพจให้มี ระบบออนไลน์แคตาล็อค ระบบตระกร้า หรือ shopping cart ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบ real-time ระบบติดตามผลการขาย ระบบออกรายงานขาย ระบบลงทะเบียน search engines เป็นต้น ฉะนั้น หน้าที่ของท่านก็เพียงแต่นำเอาข้อมูลสินค้า ราคา รูปภาพที่เตรียมไว้แล้วป้อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น ก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที

          4. ใช้งบประมาณลงทุนน้อย เงินลงทุนที่ใช้เพียงค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โมเด็ม และค่าโปรแกรม  e-commerce นอกจากนี้ยังมีการซื้อโปรแกรมระบบ e-commerce ในอัตราเดือนละไม่ถึง 500 บาท ก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่หากท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ โมเด็ม และไม่ได้เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต เลยก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้ ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 25,000 บาท ค่าโมเด็ม ประมาณ 3,000 บาท และค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตประมาณเดือนละ 500 บาท หรือรวมเบ็ดเสร็จแล้วลงทุนทั้งหมดอยู่ในราว 30,000 บาท

          5. เร่งงานให้เสร็จตามกำหนด เวลาในการลงมือทำงานแล้ว สิ่งสำคัญต้องเร่งทำเดินงานให้เสร็จทันตามเวลา ไม่ควรเรื่องมาก หรือเขียนคิ้วทาปากให้กับเว็บ ทำการทดสอบสินค้าและราคาก่อน เพราะสาระสำคัญทางการค้ายังมีเรื่องที่ต้องทดสอบอีกมาก และก็ไม่มีใครสนใจความสวยงามของเว็บท่านมากนัก เพราะเขามาซื้อสินค้าไม่ใช้มาซื้อเว็บของท่าน อย่าลืม "เรียบง่าย ดูดี น่าเชื่อถือ" เป็นสำคัญ


ส่วนสำคัญอีกอย่างคือ 


การสร้างเว็บไซต์ให้น่าสนใจ

           ในการออกแบบเว็บไซต์ให้น่าสนใจนั้น เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะเป็นการดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ ซึ่งหากเขาได้เห็นเว็บไซต์ของเราที่มีการออกแบบที่สวยงาม มีสิ่งที่สนองความต้องการของเขาแล้ว ก็จะทำให้เขาติดตามข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า ซึ่งองค์ประกอบที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์คือ การมีภาพประกอบที่สื่อถึงตัวสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่เราจะนำเสนอ ภาพนั้นจะต้องมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้การโหลดภาพช้า จนอาจทำให้ผู้บริโภคคลิกไปยังเว็บไซต์อื่นได้ นอกจากนี้ยังมีข้อความที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ใช้ตัวอักษรที่เป็นสากล กล่าวคือสามารถอ่านได้จากบราวเซอร์ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น netscape หรือ internet explorer เป็นต้น และปุ่มทั้งที่เคลื่อนไหว และไม่เคลื่อนไหว หรือแม้แต่กราฟิกนำทางเพื่อความสวยงามและเป็นเส้นนำสายตาให้น่าสนใจ ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์น่าสนใจได้ 

           นอกจากนี้อาจต้องมีสีสันต่าง ๆ รวมไปถึงการใส่ข้อมูลหรือ เนื้อหาที่เป็นเชิงมัลติมีเดีย เช่น วิดีโอ เสียง ภาพเคลื่อนไหว หรือ Animation ต่าง ๆ เข้าไปในเว็บเพจด้วย แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ช้าและไม่น่าติดตามได้ (ศุภชัย สุขะนินทร์, 2542 : 16)

           การที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งหนึ่งจะต้องอาศัยพันธมิตร ก็คือเว็บไซต์ที่ให้บริการฝากลิงค์ หรือแลกลิงค์ หรือการไปแนะนำเว็บไซต์ของเรากับเว็บต่าง ๆ เช่น www.sanook.com หรือ www.hunsa.com นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเว็บที่สามารถที่จะฝากลิงค์ได้ เช่นwww.thaitop.com www.catcha.co.th www.siamguru.com www.108-1009.com เป็นต้น ซึ่งจะต้องมองหาตำแหน่งที่เขียนว่า Add URL แล้วคลิกเข้าไปจะมีแบบฟอร์มให้กรอก เราก็จะต้องกรอก URL ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะแนะนำเว็บไซต์ และกด submit ก็จะสามารถเพิ่มเว็บไซต์ของเราเข้าสู่ฐานข้อมูลของเว็บต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการแนะนำเว็บไซต์ 

           ส่วนอีกประเภทหนึ่ง ถือเป็นพันธมิตรทางการค้า กล่าวคืออาจจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเหมือนกัน หรือธุรกิจเอื้อกัน ก็สามารถที่จะนำกราฟิกชื่อหรือสัญลักษณ์ของเว็บไซต์ต่าง ๆ มาไว้ในหน้าแรกของเว็บเรา เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคคลิกเข้าอ่านได้ ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและเป็นการประหยัดงบประมาณในการทำตลาดเว็บไซต์ได้อีกด้วย